วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พุทธภาษิต ๙๑๙ บท (ชดที่ ๒๙)


๕๕๖.
ผู้ใดใฝ่หาสุขสำหรับตน ด้วยการก่อทุกข์ให้ผู้อื่น 
เรียกว่าติดข้องอยู่ในกองเวร ย่อมหนีไม่พ้นเวร

๕๕๗.
แม้ฐานะดีแต่เกียจคร้านก็ต้องล่มจม 
เหมือนเกาะท่อนไม้เล็กๆอยู่กลางทะเลก็ต้องจมลงฉันน้ัน

๕๕๘.
พระอาทิตย์ พระจันทร์ กาลเวลาและมหาสมุทรมกำลัง
สมณพราหมณ์ก็มีกำลัง  แต่กำลังของสตรีมีมากกว่านั้น

๕๕๙.
พระพุทธเจ้าย่อมบังเกิดขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนหมู่มาก 
คือบุรุษและสตรีผู้ทำตามคำสั่งสอน

๕๖๐.
ที่ใดคนยังไม่รู้จักชาติตระกูลระเบียบประเพณี
ก็ไม่ควรถือตัว ควรทำตัวเหมือนญาติ

๕๖๑.
ผู้ใดทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
จะไปได้รอดปลอดภัย เหมือนพ่อค้าขี่ม้าไ ปโดยสวัสดี

๕๖๒.
ผู้ใดนอบน้อมผู้เจริญด้วยคุณวุฒิ
มีปัญญาฉลาดในธรรม ย่อมมีผู้สรรเสริญในโลกนี้
และมีสุคติในโลกหน้า

๕๖๓.
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์รักใคร่ เป็นอามิสอันร้ายกาจของชาวโลก เป็นเหตุให้ชาวโลกลุ่มหลงอยู่

๕๖๔.
แม้มีปัญญารุ่งโรจน์เหมือนแสงไฟ  ถ้าอยู่ในต่างถิ่น ก็ควรอดทนต่อคำขู่เข็ญของคนถ่อย

๕๖๕.
บุรุษผู้สดับปัญญาน้อยย่อมเสื่อมทรามไป 
เหมือนโคถึกมีเนื้อมาก แต่ปัญญาหาเจริญไม่

๕๖๖.
ถึงไร้ทรัพย์ผู้มีปัญญาก็ยังดำรงชีพอยู่ได้
ถ้าไม่มีปัญญาถึงมีทรัพย์ก็ดำรงชีพอยุ่ได้ยาก

๕๖๗.
ผู้มีปัญญา มีความรู้ ฉลาดในการงาน รู้กาล รู้สมัย 
ควรอยู่ในวงราชการได้

๕๖๘.
ท่านว่าปัญญาประเสริฐเหมือนดวงจันทร์เด่นอยู่ในหมู่ดาว แม้ศีลธรรมและคุณงามความดี ก็เป็นเช่นดวงดาวดาราห้อมล้อมดวงปัญญาของคนดีฉันนั้น 

๕๖๙.
ถ้าเล็งเห็นความสุขอันไพศาล  เพราะการเสียสละสุขสถานประมาณ  ผู้มีปัญญาย่อมสละสุขสถานประมาณเสียเพื่อความสุขอันไพศาลน้ัน 

๕๗๐.
คนปัญญาทราม มียศแล้วย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมกระทำการที่เบียดเบียนตนและคนอื่น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น